เหล็กแผ่นรีดร้อนคืออะไร

         เหล็กแผ่นรีดร้อน คือการนำเหล็กกล้าที่มีรูปทรงเป็นแท่งแบน (Slab) มาผ่านกระบวนการรีดร้อนลดขนาดที่อุณหภูมิประมาณ 1,100-1,250 องศาเซลเซียส ด้วยลูกกลิ้งหรือแท่นรีดขนาดใหญ่รีดให้เป็นแผ่นที่มีความหนาบางลงตามที่ต้องการ จากนั้นจึงทำให้เย็นลงโดยการผ่านน้ำหล่อเย็น แล้วเข้าสู่เครื่องม้วน เมื่อผลิตเสร็จเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ได้จะมีผิวสีเทาดำและอยู่ในลักษณะเป็นม้วน (coil) เรียกว่า “เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (hot-rolled coil)” หรือ “เหล็กม้วนดำ (black coil)” เพื่อสะดวกการเก็บรักษา ขนส่งเคลื่อนย้าย และสะดวกในการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นต่อไป เช่น

  • รีดเย็นต่อเป็นเหล็กแผ่นรีดเย็น เพื่อใช้ในงานที่ต้องการคุณภาพผิวสูงกว่าและความหนาต่ำกว่าเหล็กแผ่นรีดร้อน
  • กัดล้างผิวและเคลือบน้ำมัน เป็นเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดกัดล้างผิวและเคลือบน้ำมัน (pickled and oiled hot-rolled steel) จะได้เหล็กแผ่นรีดร้อนผิวด้านสีขาวเทา
  • แปรรูป เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ลักษณะต่างๆ เช่น เหล็กฉาก (รูป L) ท่อ (ทรงกระบอก) รางน้ำ (U) เป็นต้น สำหรับใช้ในการก่อสร้าง งานวิศวกรรมโยธา และงานโครงสร้างต่างๆ
  • ตัดเป็นแผ่นหรือเป็นท่อน สำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง หรืองานช่างทั่วไป
  • ผลิตถังก๊าซ ถังคอมเพรสเซอร์ (ระบบทำความเย็น) ถังแรงดัน ผลิตท่อก๊าซ ท่อน้ำมันและปิโตรเคมี
  • ใช้ขึ้นรูปชิ้นส่วนช่วงล่างรถยนต์ที่ต้องการความแข็งแรง

การเลือกซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อน
          เหล็กแผ่นรีดร้อน ถือว่าเป็นสินค้าพื้นฐานที่เป็นเหมือนกลไกสำคัญในการตอบสนองการ เติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่อเรือ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ฯลฯ โดยในการ เลือกซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อ นำมาใช้งาน ในแต่ละครั้งนั้น ผู้ซื้อควรพิจารณาถึงปัจจัย ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดังนี้

  1. การนำไปใช้งาน ในการเลือกเหล็กแผ่นรีดร้อนควรคำนึงถึงการนำไปใช้งาน เพราะเหล็กแผ่นรีดร้อนแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันในเรื่องค่าเคมีและองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการนำไปใช้ในสภาวะที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการนำเหล็กแผ่นรีดร้อนมาใช้ต่อเรือในส่วนที่ต้องรับแรงสูงและทนต่อแรงกระแทก ควรเลือกเหล็กแผ่นรีดร้อนเกรดพิเศษที่ใช้ในการต่อเรือโดยเฉพาะ ดังนั้นควรเลือกเหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีมาตรฐานเหล็กเป็น ABS GrAH หรือ ABS GrDH ขึ้นอยู่กับสภาพที่นำไปใช้งานเช่นอุณหภูมิหรือการรับแรง เป็นต้น
  2. ขนาดของเหล็กแผ่นรีดร้อน เพื่อให้การนำเหล็กแผ่นรีดร้อนไปใช้งานให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด ควรพิจารณาถึงขนาดเหล็กรีดร้อนที่ต้องใช้ให้มีความเหมาะสมกับงานนั้นๆ เพราะหากเลือกซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีขนาดใหญ่เกินความต้องการใช้จริงก็จะก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นเศษเหล็ก หรือหากเลือกเหล็กแผ่นรีดร้อนขนาดเล็กเกินไปก็จะเกิดความสูญเสียในเรื่องของการเชื่อมต่อและเวลาที่ต้องสูญเสียมากขึ้น รวมถึงความแข็งแรงที่ลดลงจากการเชื่อมต่อ
  3. คุณภาพ ควรพิจารณาถึงคุณภาพของเหล็กแผ่นรีดร้อน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานเหล็กระดับสากลรองรับ เช่น มาตรฐานเหล็ก ASTM, DIN, JIS, EN, Lloyd’s, ABS, AS หรือ API เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งานว่าจะได้รับชิ้นงานที่มีคุณภาพสูง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่าเหล็กแผ่นรีดร้อนทุกแผ่นมีคุณภาพเป็นไปตามที่ผู้ซื้อต้องการ
  4. ความสะดวกในการสั่งซื้อและการส่งมอบ นอกจากปัจจัย 3 ข้อ ดังข้างต้นแล้ว ควรพิจารณาเรื่องความสะดวกในการสั่งซื้อ โดยเลือกซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อนจากผู้ผลิตในประเทศ เพื่อประหยัดเวลาในการติดต่อสั่งซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังทำให้การส่งมอบสะดวกรวดเร็วมากกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเหล็ก

          เหล็กเป็นวัสดุพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาสังคมและความเป็นอยู่ของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คำว่า “เหล็ก” ที่เรียกกันทั่วไปนั้น เป็นคำที่ใช้เรียกเหมารวมถึง เหล็ก (iron) และ เหล็กกล้า (steel) ซึ่งในความเป็นจริงนั้นวัสดุทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันหลายประการ

เหล็ก (iron)
          เหล็กมีสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์คือ Fe ซึ่งย่อมาจาก Ferrum ในภาษาละติน เหล็กเป็นแร่ธาตุโลหะชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ มีสีแดงอมน้ำตาล แม่เหล็กสามารถดูดติดได้ พบมากในชั้นหินใต้ดินบริเวณที่ราบสูงและภูเขา อยู่ในรูปก้อนสินแร่เหล็ก (iron ore) ปะปนกับโลหะชนิดอื่นๆ และหิน เมื่อนำมาใช้ประโยชน์จะต้องผ่านการทำให้บริสุทธิ์ด้วยกรรมวิธีการ “ถลุง” โดยใช้ความร้อนสูงถึง 3000 °F หรือประมาณ 1649 °C เผาให้สินแร่เหล็กหลอมละลายกลายเป็นของเหลว และแยกแร่อื่นที่ไม่ต้องการออกไป ก่อนนำโลหะนั้นไปเทลงแบบหล่อเหล็ก เพื่อให้ได้เป็นเหล็กออกมา

เหล็กกล้า (steel)
          ปกติเหล็กที่ได้จากเตาถลุงจะมีความเปราะและไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ประโยชน์ จึงต้องนำมาผ่านกระบวนการเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของเหล็กให้ดีขึ้น ดังนั้น เหล็กกล้า จึงเป็นโลหะที่ไม่ได้มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่ถูกผลิตขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติโดยรวมของเหล็กให้ดีขึ้นและให้เหมาะสมต่อสภาพการใช้งาน เช่น  ให้แข็งแรงสามารถรับน้ำหนักได้มาก ทนทานต่อแรงกระแทกหรือสภาวะทางธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นดี ไม่ฉีกขาดหรือแตกหักง่าย เป็นต้น คำว่า “เหล็กกล้า” โดยทั่วไปจะหมายถึง “เหล็กกล้าคาร์บอน (carbon steel)” ซึ่งประกอบด้วยธาตุหลักๆ คือ เหล็ก (Fe) คาร์บอน (C) แมงกานีส (Mn) ซิลิคอน (Si) และธาตุอื่นๆ อีกเล็กน้อย

ข้อแตกต่างระหว่าง เหล็ก (iron) กับเหล็กกล้า (steel)

  • เหล็กกล้า ผลิตจาก เหล็ก ที่ผ่านการกำจัดคาร์บอนออกไปให้เหลืออยู่น้อยกว่า 2% (โดยน้ำหนัก) ทำให้มีความบริสุทธิ์ของเหล็กสูงกว่า 94% และมีธาตุอื่นประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย
  • เหล็กกล้า มีความยืดหยุ่น คงทน สามารถดัดเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ดีกว่า และใช้งานได้หลากหลายกว่า เหล็ก เนื่องจากผ่านกรรมวิธีในการปรับปรุงคุณภาพในกระบวนการหลอมน้ำเหล็กแล้ว
  • เหล็ก มีความแข็งกว่า เหล็กกล้า แต่ เหล็ก มีความแข็งแรงน้อยกว่า เหล็กกล้า
  • การเปลี่ยนแปลงรูปร่างรูปทรงของ เหล็ก ทำได้โดยการตีขึ้นรูป หรือหลอมเหลวเป็นน้ำเหล็กแล้วเทลงในเบ้าหล่อหรือแม่พิมพ์ (เราเรียกวิธีนี้ว่า “การหล่อ”) เช่น การตีดาบ การหล่อแท่นเครื่องยนต์ ในขณะที่เราเปลี่ยนรูปร่างหรือรูปทรงของ เหล็กกล้า โดยการรีด (ด้วยเครื่องลูกกลิ้งที่เรียกว่า “แท่นรีด”) การพับ ม้วน เชื่อม กระแทก กด ขึ้นรูป ฯลฯ ซึ่งหลากหลายวิธีตามความต้องในการแปรรูป เช่น พับเป็นเหล็กฉาก ม้วนแล้วเชื่อมเป็นท่อ กดและขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น
  • เหล็กกล้า มีชั้นคุณภาพ (เกรด) หลายหลากมากมาย ตามมาตรฐานของแต่ละประเทศ และตามข้อกำหนดเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ในขณะที่ เหล็ก มีจำนวนชั้นคุณภาพน้อยกว่ามาก หมายถึงการนำไปใช้งานที่มีจำกัดด้วย

เหล็กฉากเจาะรูคืออะไร

          เหล็กฉากเจาะรู (Slotted Angle Steel) หรือ เหล็กฉากเอนกประสงค์ คือ เหล็กแผ่นรีดร้อนที่ผ่านการเจาะรูรูปวงรี (Slot) และวงกลมขนาดเล็กตลอดแนวความยาว แล้วผ่านการขึ้นรูปให้เป็นเหล็กฉาก 90 องศา จากนั้นจึงนำมาผ่านขบวนการอบเคลือบสี จุดประสงค์เพื่อให้สามารถนำเหล็กฉากเจาะรูนี้มาประยุกต์ใช้กับงานได้หลากหลายรูปแบบ หลายขนาด ตามความเหมาะสมของพื้นที่และการใช้งาน เช่น ชั้นเหล็กฉาก ชั้นวางสินค้า ชั้นวางของ ชั้นเก็บอะไหล่ สต็อกสินค้า โต๊ะทำงาน work bench ที่ต้องการความแข็งแรง การใช้งานก็โดยการตัดเส้นเหล็กฉากให้ได้ตามแบบและขนาดที่ต้องการ นำมายึดติดกันด้วยสกรูและน็อต เพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของจุดต่อด้วยแผ่นเหล็กสามเหลี่ยม นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มจำนวนเหล็กฉากเพื่อให้สามารถรับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นตามต้องการ

ข้อดีของเหล็กฉากเจาะรู

  • ประกอบง่าย ไม่ต้องเชื่อม ไม่ต้องเจาะรู แค่ตัดให้ได้ขนาดตามต้องการ แล้วยึดติดกันด้วยสกรูและน็อต
  • สะดวก รวดเร็วในการติดตั้งและรื้อถอน ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและสะดวกในการเคลื่อนย้าย
  • สามารถดัดแปลง ปรับเปลี่ยนรูปแบบสำหรับใช้งานต่างๆ ได้ตามต้องการ
  • รับน้ำหนักได้มาก มีขนาดความหนาของเหล็กฉากให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน และยังสามารถเพิ่มจำนวนเหล็กฉากเพื่อให้สามารถรับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้น
  • แข็งแรงทนทาน สีไม่หลุดร่อนง่าย มีอายุการใช้งานยาวนาน จีงทำให้ประหยัดต้นทุน